วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

Past Tense
      Past Tense หรือ อดีตกาล โดยรูปแบบในภาษาอังกฤษที่บอกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว หรือเกิดขึ้นในอดีต

Past Simple Tense

     Past Simple Tense พูดถึงเหตุการณ์ที่จบลงแล้ว คือ เหตุการณ์ที่ผ่านเป็นอดีตไปแล้วนั่นเอง ในโครงสร้างของ past tense นั้น past simple tense มีบทบาทค่อนข้างสูงเพราะง่ายต่อการนำมาใช้ และมีโครงสร้างคล้ายกับ present simple tense การใช้ก็ไม่ต่างกันมากเพียงแต่ past simple tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นอดีต ส่วน present simple tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบัน ส่วนกริยาที่ใช้ก็จะ ต่างกันนิดหน่อย โดยกริยาของ present simple tense จะเป็นช่องที่ 1 (V.1) ส่วนกริยาของ past simple tense จะเป็นช่องที่ 2 (V.2) และคำกริยาวิเศษณ์ของ past simple tense ก็จะต่างจาก present simple tense ด้วยเช่นกัน

          โครงสร้าง : Subject + Verb 2
                     (ประธาน + กริยาช่องที่2)
              ตัวอย่าง : -She told me her story.
                              (หล่อนเล่าเรื่องของหล่อนให้ผมฟัง)
                             -I wrote a letter to Ladda yesterday.
                                   (ผมได้เขียนจดหมายถึงลัดดาเมื่อวานนี้)
หลักการใช้ Past Simple Tense
        1.ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างสมบูรณ์ในอดีต โดยปกติจะพบ Adverb of time ต่อไปนี้
Yesterday, …………ago, last week/ ear/ Saturday , that day, the other day ( week, year etc. ), in those days, in 1970
                - He walked to school yesterday.
                (เขาเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้)
                - They played volleyball last week.
                (เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว)
                - I lived in Chaingmai 3 years ago.
                (ฉันอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว)
                - His father died during the war.
                (พ่อของเขาตายระหว่างสงคราม)
                - He learned English when he was young.
                (เขาเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเขาเป็นเด็ก)

ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ
            เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้Verb to do ช่องที่2 คือ did มาช่วย และเติม not ข้างหลัง มีโครงสร้างของประโยคดังนี้
          โครงสร้าง : Subject + did + not + Verb 1
                     (ประธาน + did + not + กริยาช่องที่1)
                 ตัวอย่าง:
                        - He did not (didn’t) walk to school yesterday.
                        (เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้)
                        - They did not play volleyball last week.
                        (เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว)
**ข้อสังเกต: เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย

ประโยค Past Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ
            เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ did มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้
          โครงสร้าง : Did + Subject + Verb 1
                     (Did + ประธาน + กริยาช่องที่1)
          ตัวอย่าง :
1.    Did he walk to school yesterday?
(เมื่อวานนี้เขาเดินมาโรงเรียนใช่หรือไม่)
                                - Yes, he did. (ใช่ เขาเดินมา)
                                - No, he didn’t. (ไม่เขาไม่ได้เดินมา)
                        2. Did they play volleyball last week?
                            (เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้วใช่หรือไม่)
                                - Yes, they did. (ใช่ เขาทั้งหลายเล่น)
                                - No, they didn’t. (ไม่เขาทั้งหลายไม่ได้เล่น)
หลักการเติม ed ที่คำกริยา
        1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น
                Love - loved = รัก
                Move - move = เคลื่อน
                Hope - hoped = หวัง
        2. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม ed เช่น
                Cry - cried = ร้องไห้
                Try - tried = พยายาม
                Marry - married = แต่งงาน
     **ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เติม ed ได้เลย เช่น
                Play - played = เล่น
                Stay - stayed = พัก, อาศัย
                Enjoy - enjoyed = สนุก
                Obey - obeyed = เชื่อฟัง
        3. กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น
                Plan - planned = วางแผน
                Stop - stopped = หยุด
                Beg - begged = ขอร้อง
        4. กริยาที่มี 2 พยางค์แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น
                Concur - concurred = ตกลง, เห็นด้วย
                Occur - occurred = เกิดขึ้น
                Refer - referred = อ้างถึง
                Permit - permitted = อนุญาต
     **ข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น
                Cover - covered = ปกคลุม
                Open - opened = เปิด
        5. นอกจากกฏที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น
                Walk - walked = เดิน
                Start - started = เริ่ม
                Worked - worked = ทำงาน

วิธีการสร้างประโยค Past Simple Tense
โครงสร้าง
Subject + Verb2
ประโยคบอกเล่า
I / You / We / They
went
to the museum.
He / She / It
took
a bus to the school.
โครงสร้าง
Subject + did + not + Verb1
ประโยคปฏิเสธ
I / You / We / They
did
not
go
to the museum.
He / She / It
did
not
take
a bus to the school.
โครงสร้าง
Did + Subject + Verb1?
ประโยคคำถาม
Did
I / you / we / they
go
to the museum.?
Did
he / she / it
take
a bus to the school?
โครงสร้าง
Who/What/Where/When/Why/How + did + Subject +Verb1?
ประโยคคำถาม 
Wh-
Where
did
I / you / we / they
go?

How
did
he / she / it
go
to the school?
*เราใช้ “did” เข้ามาช่วยในการสร้างประโยคคำถามหรือปฏิเสธ โดยกริยาแท้นั้นจะต้องอยู่ในรูปกริยาช่องที่ 1 เท่านั้น
*
คำปฏิเสธรูปย่อของ did not คือ didn’t

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น